MUSEE DE LA VIE ROMANTIQUE พิพิธภัณฑ์คาเฟ่สุดโรแมนติค


 

MUSEE DE LA VIE ROMANTIQUE

ที่อยู่: 16 Rue Chaptal, 75009 Paris

การเดินทาง: เมโทรสถานี Saint-Georges (สาย 12) สถานี Pigalle (สาย 2 และ 12) หรือสถานี Blanche (สาย 2)

เวลาทำการ: วันอังคารถึงวันอาทิตย์ 10:00-18:00 / คาเฟ่เปิดถึง 17:30 หยุดทุกวันจันทร์

ค่าเข้า: ฟรี / 7€  สำหรับนิทรรศการพิเศษ (เด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี เข้าฟรี)

 

INTRO

พิพิธภัณฑ์ที่สุดแสนจะโรแมนติคแห่งนี้ตั้งอยู่ในย่านมงมาร์ต หรือจะเรียกว่าซ่อนตัวอยู่ก็ไม่ยากนัก เพราะว่าพิพิธภัณฑ์นี้อาจะถูกมองข้ามอย่างง่ายดายโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่คือพิพิธภัณฑ์ถ้าหากไม่ได้ตั้งใจจะมาที่นี่จริงๆ แต่แค่ดูจากทางเข้าก็น่าฉงนแล้ว

 

ATMOSPHERE

แต่พอก้าวเท้าเข้ามาเท่านั้น ก็เหมือนว่าด้านในถูกจัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง ด้วยดีไซน์ตึกและความสงบเงียบด้านใน ทำให้เรารู้สึกสงบเงียบตามไปด้วย 

 

บ้านหลังเล็กน่ารักหลังนี้ มี Ary Scheffer เป็นเจ้าของ จิตรกรจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ผู้ที่ย้ายรกรากมาอยู่ที่กรุงปารีสเมื่อปี 1811 สังเกตุได้จากการตกแต่งภายในบ้านที่มีฟังก์ชันที่สามารถใช้เป็นสตูดิโอได้ด้วยเช่นกัน

 

เมื่อสมัยนั้น Ary Scheffer สนิมสนมกับ Delacroix, Chopin และ George Sand และมักพบปะกันบ่อยครั้ง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปรียบเสมือน timeless treasure ที่กักเก็บเอาความทรงจำสมัยนั้น รวมไปถึงผลงาน สิ่งของ และเฟอร์นิเจอร์ทั้งหลายแหล่ เพื่อแสดงให้เห็นว่าผู้คนเมื่อ 200 ปีก่อนมีความเป็นอยู่อย่างไร 

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นเพียงพิพิธภัณฑ์เล็กๆ มีทั้งหมด 2 ชั้น หากแต่ว่ามีสิ่งน่าสนใจหลายอย่างให้ได้ชมกัน

 

มากไปกว่าพิพิธภัณฑ์ที่ซ่อนตัวอยู่ ยังมีคาเฟ่ที่ซ่อนซับซ้อนอยู่พิพิธภัณฑ์อีกที ในส่วนพื้นที่ของคาเฟ่นั้น ตั้งอยู่ในส่วนระเบียงของบ้านข้างๆพิพิธภัณฑ์ เป็นพื้นที่โล่งทีมีโต๊ะตั้งอยู่เรียงราย ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในคาเฟ่ที่โรแมนติคที่สุดในโลกอีกด้วย

 

ที่นี่คุณจะได้ลองลิ้มชิมรสชาติขนมอบที่หอมหวานจากร้าน Rose Bakery ที่เพิ่งเปิดให้บริการไม่นานนักที่ห้างสรรพสินค้า Bon Marche ในกรุงปารีส ก่อตั้งโดย Rose Cararrini นักอบขนมมือฉมังจากประเทศอังกฤษที่ต้องการ introduce อาหารและขนมสไตล์โฮมเมดจากอังกฤษให้ผู้คนในประเทศฝรั่งเศสได้ลิ้มลองกัน

 

พื้นที่ด้านนอกนั้นมีไว้สำหรับใครที่ชอบนั่งรับแสงแดดอุ่นๆ แต่นอกจากที่นั่งในพื้นที่โล่งแล้ว ยังมีที่นั่งด้านใน greenhouse หรือโรงกระจกที่จัดไว้ ให้บรรยากาศที่ค่อนข้างโรแมนติค ยิ่งในวันที่ฝนตก นั่งมองดูฝนพรำๆ รดลงมาที่ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่ม ช่างเป็นอะไรที่โรแมนติคเสียจริงๆ

 

จากภาพนี้ ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในภาพยนตร์อย่างไรอย่างนั้น จิบชา ชิมขนมหวาน และนั่งพักผ่อนใต้แสงแดดอุ่นๆในตอนบ่ายแก่ๆ 

 

O'BON PARIS' NOTE

พิพิธภัณฑ์และคาเฟ่ที่ซ่อนตัวอยู่นี้ ค่อนข้างมีชื่อเสียงในหมู่ปารีเซียง แนะนำว่าถ้าในวันหยุด ควรไปในตอนเช้าหรือช่วงก่อนอาหารกลางวันเล็กน้อย เพื่อหลีกเลี่ยงคิวยาวและมีโอกาสที่จะได้โต๊ะมากกว่า

 


เรื่องและภาพ: Yuna Lee

แปล: Aphinya Kasemsukphaisan