CHATEAU DE VAUX-LE-VICOMTE

ปราสาทหรู โวเลอวีกงต์

 

CHÂTEAU DE VAUX-LE-VICOMTE

ที่อยู่: 77950 Maincy - France

เวลาทำการ:

  ปี 2018

- ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคมถึงวันที่ 4 พฤศจิกายน: เปิดทำการทุกวันตั้งแต่ 10:00‐19:00 / ประตูปิดให้เข้าตอน 17:00

***หมายเหตุ: ทุกๆวันเสาร์ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคมถึงวันที่ 6 ตุลาคม ปราสาทจะเปิดทำการจนถึง 00:00 สำหรับ Candlelit Evenings / ประตูปิดให้เข้าตอน 23:00

- ตั้งแต่วันที่ 5 ถึงวันที่ 23 พฤศจิกายน: ปิดให้บริการ

- ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายนถึงวันที่ 23 ธันวาคม: เปิดทำการวันพุธถึงวันศุกร์ 11:00‐19:00 ประตูปิดให้เข้าตอน 17:45 / วันเสาร์อาทิตย์ 11:00‐20:00 ประตูปิดให้เข้าตอน 18:45

- ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคมถึงวันที่ 6 มกราคม 2019: เปิดทำการทุกวัน (ยกเว้นวันที่ 25 ธันวาคมและวันที่ 1 มกราคม) 11:00‐20:00 / ประตูปิดให้เข้าตอน 18:45

***หมายเหตุ: วันที่ 24 และ 31 ธันวาคม ปราสาทจะปิดตอน 18:00 / ประตูปิดให้เข้าตอน 16:45

ค่าเข้า:

- ค่าเข้าตอนกลางวัน: ผู้ใหญ่ 16.50€ / อายุระหว่าง 6-17 ปี 10.50€ / อายุต่ำกว่า 6 ปีเข้าฟรี

- ค่าเข้าช่วง Chandlelit Evenings หรือคริสมาสต์: ผู้ใหญ่ 19.50€ / อายุระหว่าง 6‐17 ปี 13.50€ / อายุต่ำกว่า 6 ปีเข้าฟรี

- ค่าเข้าช่วงอีเว้นท์อื่นๆ: ผู้ใหญ่ 17.50€ / อายุระหว่าง 6‐17 ปี 12€ / อายุต่ำกว่า 6 ปีเข้าฟรี

วิธีการเดินทางจากกรุงปารีส:

จากกรุงปารีส ขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟ Gare de L'Est รถไฟสาย P (มุ่งหน้าไปทาง Provins) รถไฟวิ่งตรงจะมาทุกๆ 1 ชั่วโมง ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 35 นาที ลงที่สถานีรถไฟ Verneuil L'Etang หลังจากนั้นนั่งรถ shuttle bus "Châteaubus" ที่ด้านหน้าสถานี เพื่อไปยัง Château de Vaux-le-Vicomte ใช้เวลาประมาณ 20 นาที

***หมายเหตุ: รถบัส Châteaubus จะต้องซื้อตั๋วประเภทไป-กลับเท่านั้น ถ้าหากซื้อตั๋วบนรถบัสสามารถจะต้องใช้เงินสดจ่ายเท่านั้น ตั๋วรถบัสสามารถซื้อล่วงหน้าได้ที่เว็บไซต์ของปราสาท

เว็บไซต์: www.vaux-le-vicomte.com

 

Château de Vaux-le-Vicomte หรือภาษาไทยก็คือ "ปราสาทโวเลอวีกงต์" แห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ 50 กิโลเมตรจากกรุงปารีส ปราสาทแห่งนี้ไม่ได้เป็นที่รู้จักมากเมื่อเปรียบเทียบกับปราสาทอื่นๆในประเทศฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม ที่นี่เป็นปราสาทต้นแบบของพระราชวังแวร์ซาย (Versailles Palace) และเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ปราสาทอื่นๆอีกมากมายที่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17

 

ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1656 หรือกว่า 360 ปีที่แล้ว สร้างขึ้นมาจากคำสั่งของ Nicolas Fouquet โดย Fouquet นั้นได้เกณฑ์เอาเหล่าช่างฝีมือดีในสมัยนั้น ให้มาช่วยสร้างเนรมิตปราสาทขึ้นมา และหลังจากที่ปราสาทโวเลอวีกงต์แล้วเสร็จ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 นั้นก็ได้หลงใหลได้ปลื้มกับปราสาทแห่งนี้ จึงเป็นเหตุให้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้ว่าจ้างช่างฝีมือดีเหล่านี้ อย่าง Le Vau (สถาปนิค) และ Le Notre (นักวาดภาพวิวทิวทัศน์) ให้ไปช่วยออกแบบและสร้างพระราชวังแวร์ซาย พระราชวังที่พวกเรารู้จักกันเป็นอย่างดี นี่จึงเป็นเหตุที่ว่าทำไมปราสามโวเลอวีกงต์นั้น ได้รับการขนานนามให้เป็นปราสาทต้นแบบของพระราชวังแวร์ซายนั่นเอง เมื่อได้เข้าไปชมด้านในแล้ว จะรู้ทันทีเลยว่า 2 สถานที่นี้มีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก

 

ผู้ชายที่เห็นในภาพวาดนั้นคือ Nicolas Fouquet ผู้ก่อกำเนิดปราสาทโวเลอวีกงต์แห่งนี้ เขาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในความฉลาดปราดเปรื่องและความกล้าหาญของเขา หน้าที่การงานของเขาก็ไม่ธรรมดา เขาเป็นถึงผู้ดูแลการเงินให้แก่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แต่เขายังไม่หยุดแค่นั้น เขาฝันอยากจะเป็นรัฐมนตรีในพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 หากแต่ว่าพระเจ้าหลุยส์นั้น ได้สังเกตุเห็นถึงความทะเยอทะยานที่มากเกินควรของ Fouquet และสงสัยในการใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายเกินกว่าที่เขาควรจะเป็น โดยมี Colbert ผู้ที่อิจฉาในความสำเร็จของ Fouquet อาศัยความไม่พอใจของพระเจ้าหลุยส์ เข้ารายงานการฉ้อโกงเงินของ Fouquet จนทำให้พระเจ้าหลุยส์ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง และสั่งให้จับ Fouquet ในปี 1661 หลังจากที่ Fouquet โดนจับ เขาก็ไม่มีโอกาสได้อาศัยอยู่ในปราสาทที่เขาตั้งใจสร้างขึ้นอีกเลย

 

การประดับตกแต่งของด้านในตัวปราสาท ค่อนข้างสะท้อนให้เห็นตัวตนของ Fouquet ได้เป็นอย่างดี เพราะว่า Fouquet นั้นเป็นคนชื่นชอบในงานศิลปะอยู่แล้ว บอกได้จากพรมที่แขวนอยู่ทั่วปราสาทที่มีราคาสูงลิ่วในสมัยนั้น อีกทั้งยังเป็นคนที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีจิตใตเมตตาช่วยอุดหนุนศิลปินที่มีฝีมืออย่าง Molière และ La Fontaine อย่างเช่นตอนที่พระเจ้าหลุยส์มาเยือนที่ปราสาทแห่งนี้ Fouquet ก็ต้อนรับพระเจ้าหลุยส์ด้วยการเลี้ยงฉลองและการแสดงจาก Molière

 

เนื่องจากคำว่า "Fouquet" มีความหมายว่า กระรอก ในภาษาบ้านเกิดของเขา ทำให้สัญลักษณ์ประจำตระกูล Fouquet นั้นเป็นรูปกระรอกไปโดยปริยาย โดยที่ปราสาทโวเลอวีกงต์นั้น จะเห็นได้ว่ามีสัญลักษณ์รูปกระรอกประดับประดาอยู่ไปทั่วตัวปราสาท

 

ห้องนอนอันแสนอลังการนี้ สร้างขึ้นเป็นพิเศษเพื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 14  โดยเฉพาะ โดยการตกแต่งต่างๆในห้องนี้นั้นจะมีลักษณะและสไตล์ที่คล้ายคลึงกับที่สามารถพบเห็นได้ที่พระราชวังแวร์ซาย

 

ถึงแม้ว่าปราสามโวเลอวีกงต์แห่งนี้จะมีขนาดที่กระทัดรัดกว่าพระราชวังแวร์ซาย แต่ความสวยงามและความหรูหรานั้นไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย นอกจากนี้คุณยังสามารถเดินชมปราสาทได้อย่างสงบสุข เพราะว่าปราสาทแห่งนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในหมู่นักท่องเที่ยวเมื่อเทียบกับพระราชวังแวร์ซาย ที่นี่จึงมีนักท่องเที่ยวอยู่ไม่มากนัก ลดความเบียดเสียดและความวุ่นวายลงไปได้มาก

 

วิวสวนจากตัวปราสาทนั้นอลังการสมฐานะ สวนแห่งนี้ถูกออกแบบโดย Le Notre นักวาดภาพวิวทิวทัศน์ ผู้ที่ค้นพบการออกแบบสวนสไตล์ฝรั่งเศส และสวนแห่งนี้ก็เป็นต้นแบบแก่สวนหลายๆที่ทั้งในประเทศฝรั่งเศสและประเทศอื่นๆในทวีปยุโรปที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 และนอกจากที่คุณจะสามารถเดินเล่นชมสวนได้แล้ว คุณยังสามารถมานั่งปิคนิคที่นี่ได้อีกด้วย คงเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างออกไปมากๆสำหรับการที่ได้มานั่งปิคนิคในสวนของปราสาทสุดหรูแบบที่นี่

 

O'bon Paris' tip

ถึงแม้ว่าการเดินทางมาที่ปราสาทแห่งนี้จะใช้เวลาค่อนข้างนานจากกรุงปารีส แต่การเดินทางก็สะดวกสบายไม่ลำบาก โดยตารางเวลาของ Châteaubus นั้นถูกวางไว้ให้สอดคล้องกับเวลารถไฟ

ในทุกๆฤดูกาล ที่ปราสาทโวเลอวีกงต์นี้จะจัดอีเว้นท์ต่างๆ ในเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม ทุกๆวันเสาร์ตอนเย็น จะมีอีเว้นท์ Candlelit Evenings โดยเป็นการจุดเทียนรอบๆตัวปราสาทโดยใช้เทียนกว่า 2,000 เล่ม! แค่ฟังดูก็โรแมนติคมากๆแล้ว ใครอยากมาสัมผัสความโรแมนติคที่นี่บอกว่าห้ามพลาดเด็ดขาด

 


เรื่อง: Aphinya Kasemsukphaisan

ภาพ: Rei Nishiyama