มากินบรันช์กันที่ LA RECYCLERIE จากสถานีรถไฟเก่าสู่ร้านอาหารสุดชิค

 

LA RECYCLERIE

ที่อยู่: 83 Boulevard Ornano, 75018 Paris

การเดินทาง: สถานีเมโทร Porte-Clignancourt (สาย 4)

เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงวันพฤหัส 08:00-24:00 / วันศุกร์และวันเสาร์ 12:00-02:00 / วันอาทิตย์ 11:00-22:00

ราคา: Weekend Brunch 22€ (บรันช์มังสวิรัติ 20€ และเมนูบรันช์สำหรับเด็ก 12€) / เซ็ตเมนูอาหารกลางวัน 13€ / Tapas 6€

เว็บไซต์: www.larecyclerie.com

 

INTRO

เมื่อเดินขึ้นมาจากสถานีรถไฟใต้ดิน Porte de Clignantcourt ก็จะพบกับร้านอาหารสไตล์วินเทจตั้งอยู่ ทางร้านเน้นสีเขียวเป็นหลักในการตกแต่ง โดยคอนเซ็ปต์ของร้านนั้นเป็นไปตามชื่อร้าน "La Recyclerie" ที่แปลว่า "Recycle site" จากภาษาฝรั่งเศส โดยที่นี่แต่ก่อนนั้นเคยเป็นสถานีรถไฟเก่าที่ชื่อว่า "Organo" โดยปัจจุบันนี้ได้มีการรีโนเวทและเปลี่ยนให้เป็นร้านอาหารแล้ว และหลังจากการรีโนเวท ทางร้านก็ได้เปลี่ยนพื้นที่บริเวณด้านข้างที่มีพื้นที่ก่า 1,000 ตารางเมตร ให้เป็นพื้นที่ปลูกผักสวนครัวทั้งหมด

  

ATMOSPHERE

บรรยากาศด้านในร้านนั้นตกแต่งแบบเรียบง่าย พาลทำให้นึกย้อนถึงโรงอาหารที่โรงเรียนมัธยมอย่างไรอย่างนั้น แตกต่างจากร้านอาหารอื่นๆในปารีสที่มักจะเน้นความสวยงามและหรูหรา เนื่องจากเป็นสถานีรถไฟ ทำให้มีหลังคาสูง เปิดโล่ง ดูโปร่งสบาย นาฬิกาหน้าปัดมหึมายังคงแขวนอยู่ที่เดิม ที่ตรงซุ้มประตูที่ยังคงความเป็นสถานีรถไฟเอาไว้อยู่ ในร้านโต๊ะอาหารเรียงรายแน่น เพื่อรองรับผู้คนจำนวนมาก

 

ชาวปารีเซียงมักจะชอบออกมารับประทานบรันช์กันในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ทำให้ในวันหยุดนั้น ที่ร้านจะเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แต่ถึงกระนั้นโต๊ะก็ยังมีพอที่จะรองรับคนจำนวนมาก ทั้งที่ชั้น 1, ชั้น 2, โซฟา และโต๊ะด้านนอก ในวันหยุดสบายๆ ออกนอกเมืองมาหาที่นั่งรับประทานอาหารมื้อเบาๆแบบนี้ก็น่าจะดีไม่น้อย

 

WHAT TO EAT

เมนูบรันช์โฮมเมดของทางร้านจะเสิร์ฟในวันหยุดเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้น โดยเชฟ Gilles Cherrier และทีม อย่างไรก็ตาม ในวันธรรมดาทางร้านก็จะมีเมนูอาหารกลางวัน ดินเนอร์ ขนมหวาน ชากาแฟ และ Tapas หรือของว่างเสิร์ฟกันทั้งวัน ทุกๆวันพฤหัสนั้น ทางร้านจะเสิร์ฟเมนูมังสวิรัติเท่านั้น เพื่อเป็นการลดการรับประทานเนื้อสัตว์ 

แต่ในวันอื่นๆ ก็จะมีทั้งเมนูบรันช์ธรรมดาและบรันช์มังสวิรัติให้ได้เลือกรับประทานกัน โดยในเมนูบรันช์นั้นจะประกอบไปด้วย จานหลัก จานเคียง และขนมหวาน หลังจากที่สั่งอาหารที่เค้าน์เตอร์เรียบร้อยแล้ว คุณสามารถเดินไปหยิบขนมปังชนิดต่างๆ เนย แยม ชา และกาแฟได้ตามอัธยาศัย

 

ที่นี่แตกต่างจากร้านอาหารทั่วไปในกรุงปารีสโดยสิ้นเชิง โดยที่นี่จะให้คุณเดินไปรับอาหารเองที่หน้าครัว "CUISINE" เมื่อสัญญาณสีแดงดังขึ้นที่โต๊ะ

 

BRUNCH - SALE

จานหลักนี้เต็มไปด้วยวัตถุดิบที่หลากหลาย โดยผักสดในจานนั้น เป็นผักที่ทางร้านปลูกขึ้นเองที่บริเวณแปลงผักสวนครัวข้างๆร้าน มัฟฟินราดด้วยไข่คนหรือ Scrambled Egg และเบค่อน เสิร์ฟเคียงกับแซลมอน มันฝรั่ง มะเขือเทศ โคลสลอว์ สลัด Tabblouleh และที่ขาดไม่ได้เลยคือชีสนั่นเอง

 

BRUNCH - SUCRE

จากจานคาวก็มาจานหวานกันบ้าง เป็นจานที่เต็มไปด้วยขนมหวาน ทำทีมโดยโยเกิร์ตรสธรรมชาติโรยด้วยถั่ว เค้กช็อกโกแลต สับปะรดและใบมิ้นท์ และพูดดิ้งเด้งดึ๋ง ขนมหวานชนิดต่างๆเรียกได้ว่าผานกระบวนการคิดอย่างสร้างสรรค์มาแล้วทั้งหมด โดยเฉพาะสับปะรดและใบมิ้นท์ ที่จะให้รสชาติที่เปรี้ยวและเย็นสดชื่น เพิ่มสีสันของวันนั้นได้เป็นอย่างดี

 

ที่ด้านหลังของร้านอาหารนั้นจะเป็นพื้นที่เลี้ยงไก่ที่ทางร้านเลี้ยงเอาไว้ อย่างที่เกริ่นไปตอนแรกนั้นว่าทางร้านเน้นเรื่องการรีไซเคิลเป็นหลัก เมื่อมีอาหารเหลือที่ไก่สามารถกินได้ ทางร้านจะนำมาเป็นอาหารไก่ โดยการรีไซเคิลแบบนี้นั้น ทางร้านสามารถลดปริมาณอาหารเหลือทิ้งได้ถึง 8 ตันต่อปีเลยทีเดียว

 

นอกจากนั้นแล้วยังมีกิจกรรมต่างๆที่ทางร้านคิดขึ้นมาเพื่อเป็นการไม่น่าเบื่อจนเกินไปสำหรับลูกค้า บางครั้งก็จะจัดคลาสเรียนโยคะขึ้นมา, คลาสนวด, คลาสทำเครื่องสำอาง DIY, คลาส Upcycling หรือการสร้างมูลค่าให้วัสดุเหลือใช้, เวิร์คช็อปต่างๆ, ตลาดขายของเก่าหรือ Flea Market, ดูหนังกลางแปลง และอื่นๆอีกมากมาย โดยบางกิจกรรมนั้น ทางร้านตั้งใจที่ทำเพื่อเป็นการให้ผู้คนหันมารักษาสิ่งแวดล้อม และปกป้องธรรมชาติ จึงคิดหากิจกรรมที่สนุกเพื่อให้ผู้คนสนใจเรื่องนี้กันมากขึ้น

 

O'BON PARIS' NOTE

นอกจากด้านในร้านแล้ว ทางร้านยังมีโต๊ะด้านนอกไว้ให้บริการ เรียกได้ว่าคุณสามารถชื่นชมธรรมชาติรอบๆ พลางรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพได้อย่างสบายอกสบายใจ ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งวุ่นวายมากมาย ที่นี่เป็นเหมือนสถานที่ที่จะทำให้คุณได้ย้อนเวลากลับไปในอดีต ในช่วงที่ธรรมชาตินั้นยังสวยงามและอุดมสมบูรณ์ และถ้าหากใครสนใจอยากเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆกับทางร้าน เข้าไปเช็คตารางกิจกรรมได้ที่เว็บไซต์ www.larecyclerie.com รับรองว่าคุณจะติดใจ

 


เรื่องและภาพ: Yuna Lee

แปล: Aphinya Kasemsukphaisan