7 ผลงานโดดเด่น ณ พิพิธภัณฑ์ Orangerie

พิพิธภัณฑ์ภาพเขียนอิมเพรสชั่นนิสต์

 

พิพิธภัณฑ์ orangerie

พิพิธภัณฑ์ Orangerie แห่งนี้เป็นสถานที่ซึ่งอยู่ในลิสต์ของแฟนอิมเพรสชั่นนิสม์ที่ต้องมาให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต สาเหตุนั่นก็เพื่อมาชื่นชมชุดภาพเขียน WATER LILIES หรือชุดภาพเขียนสระบัวของโมเนต์นั่นเอง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของสวนสาธารณะตุยเลอรี อยู่ห่างจากสถานีเมโทร Concorde ไม่เกินระยะการเดินเท้า 5 นาที โดยรวมๆแล้วในส่วนของการจัดแสดงงานถาวรภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงผลงานศิลปะกว่า 100 ชิ้น และยังมนิทรรศการชั่วคราวหมุนเวียนเปลี่ยนไปมาตลอดปี

 

มีอะไรให้ดูที่พิพิธภัณฑ์ Orangerie

เมื่อเดินเข้ามายังส่วนจัดแสดงพิพิธภัณฑ์ คุณจะพบกับภาพวาดสระบัวของโมเนต์ขนาดใหญ๋ที่ชั้น G และที่บริเวณชั้น 1 จะมีเป็นบริเวณของร้านขายของที่ระลึก และหากเดินลงบันไดมายังชั้นใต้ดิน ก็จะได้พบกับนิทรรศการชั่วคราวที่จัดแสดงผลงานศิลปะต่างๆ ขนาดของพิพิธภัณพ์แห่งนี้ถือว่าไม่ใหญ่มากนักหากลองเทียบกับพิพิธภัณฑ์อื่นๆในปารีส แต่ถึงแม้จะมีขนาดเล็ก ก็เต็มไปด้วยผลงานศิลปะและเรื่องราวที่น่าสนใจ ภายในพิพิธภัณฑ์ไม่ได้มีเพียงภาพเขียนสระบัวของโมเนต์ที่น่าสนใจ แต่ยังมีการบอกเล่าเรื่องราวของวิวัฒนาการแนวความคิด ลัทธิทางศิลปะต่างๆในศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นยุคของลัทธิอิมเพรสชั่นนิสม์ และพัฒนาสู่โพสต์อิมเพรสชั่นนิสม์ในศตวรรษที่ 20

นอกจากห้องกว้างที่จัดแสดงผลงานของโมเนต์แล้ว ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีผลงานของศิลปินคนอื่นๆอีกมากมาย เช่น Alfred Sisley, Claude Monet, Paul Cézanne, Henri Matisse, Pablo Picasso, Paul Gauguin, และ Kees van Dongen

พิพิธภัณฑ์ Orangerie ภาพวาดของ Picasso

 

และวันนี้เราขอหยิบยกเอาผลงาน 7 ชิ้น ภายในพิพิธภัณฑ์ที่มีความน่าสนใจ และมีเรื่องราวที่น่าไปทำความรู้จัก

 

1

ศิลปิน Claude Monet - ภาพ Water lilies

claude monet-water lilies

 

ภายในพิพิธภัณฑ์ คุณจะได้พบกับภาพเขียนสระบัวจำนวน 8 ภาพ ซึ่งได้รับบริจาคมาในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ภาพเขียนเหล่านี้ได้รับการจัดแสดงภายในห้องรูปทรงรีขนาดสองคูหา ภาพเขียนแต่ละภาพมีความสูง 2 เมตร และกว้าง 91 เมตร ซึ่งการนำภาพเขียนมาวางเรียงกันทั้ง  8 ภาพ เป็นการนำเสนอภาพของสระบัวที่เมือง  Giverny ในลักษณะพาโนรามา โดยสระบัวแห่งนี้มีความสำคัญ คือ เป็น สระบัวที่ตั้งอยู่ใกล้ที่พักของโมเนต์ ในช่วงบั้นปลายก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ภาพเขียนทั้ง 8 อ้างอิงถึงสระบัวสระเดียวกัน แต่ให้บรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป โดยเป็นเสน่ห์ของโมเนต์ที่ชื่นชอบการลงสีตามความงามของแสงอาทิตย์ในแต่ละช่วงเวลาของวัน นับว่าเป็นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโมเนต์ซึ่งสามารถสังเกตได้จากผลงานอื่นๆของเขา เช่น ภาพเขียนวิหารแห่งเมืองรูอ็อง (CATHEDRAL DE ROUEN) หรือ ภาพเขียนกองฟาง (LES MEULES) เป็นต้น ภาพเขียนเหล่านี้ล้วนบรรยายถึงสถานที่ แต่วาดสื่ออกมาในหลายอารมณ์ โดยใช้การเล่นสี เลียนแบบตามแสงอาทิตย์ในแต่ละช่วงของวัน

 

ภาพเขียนของโมเนต์

โมเนต์เขียนภาพเหล่านี้ขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จึงมีการตีความกันไปว่าภาพเขียนสระบัวนี่มีความหมายถึง การเรียกร้องสันติสุขและความสงบ การหลบหนีออกมาจากความรุนแรงของสงคราม หากพิจารณาภาพเขียนชื่อดังภาพนี้จะเห็นได้ว่าโมเนต์พยายามอย่างมากที่จะสร้างความสมจริงให้กับการเคลื่อนไหวของน้ำ ดอกไม้ ท้องฟ้า และต้นไม้ ซึ่งเป็นการสร้างองค์ประกอบที่สมจริงให้กับภาพได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยเทคนิคการผสมโดยตรงบนผืนผ้าใบ ทำให้ภาพเขียนออกมามีลักษณะเหมือนกับภาพสามมิติ หากได้นั่งมองภาพนี้ก็จะสามารถจินตนาการได้ถึงลมที่กำลังพัดผ่าน ธรรมชาติ และความงดงามที่โมเนต์ได้เห็นในขณะสร้างสรรค์ผลงาน องค์ประกอบต่างๆในภาพล้วนแล้วแต่บรรยายสภาพแวดล้อมและความรู้สึกของโมเนต์ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่

พื้นที่สุดสงบและเต็มไปด้วยความหมายแห่งนี้ นับว่าเป็นอีกหนึ่งทางออกสำหรับใครก็ตามที่กำลังต้องการหนีจากความวุ่นวายเพื่อปลดปล่อยความคิด เเละนั่งอยู่กับความเงียบ ห้องแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สวยที่สุดในปารีส หรืออาจจะกล่าวได้ว่าสวยที่สุดในโลกก็ว่าได้

 

 

2

ศิลปิน August Renoir -  ภาพ Jeunes filles au piano (1892)

ภาพเขียนของ Renior

ภาพด้านบนเป็นผลงานของ โอกุสต์ เรอนัวร์ (Auguste Renoir) มีชื่อผลงานว่า JEUNES FILLES AU PIANO (แปลว่า เด็กสาวกับเปียโน) ซึ่งสร้างสรรค์ขึ้นในปี 1892 เอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครของ เรอนัวร์ คือ การเขียนภาพที่บรรยายความรู้สึก เรอนัวร์นั้นเป็นศิลปินที่ชื่นชอบการเขียนภาพเหมือนสตรี เขามักจะเขียนภาพผู้หญิงที่สวมชุดขาวซึ่งเขามองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความงาม ภาพเขียนเด็กสาวกับเปียโน เป็นภาพเขียนที่มีรายละเอียด นุ่มลึกและอาจจะทำให้คุณได้สัมผัสถึงความงดงามภายในโลกของเด็กผู้หญิง โมเนต์และเรอนัวร์เป็นจิตรกรอิมเพรสชั่นนิสม์ หากแต่วิธีการนำเสนอภาพของทั้งสองนั้นช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

 

 

3

ศิลปิน Paul Cézanne - ภาพ Pomme et biscuits (1879 - 1880)

ภาพของ Paul Cézanne

ภาพเขียนด้านบนเป็นผลงานของ Paul Cézanne หรือ ปอล เซซาน มีชื่อว่า POMME ET BISCUITS (แปลว่า แอปเปิ้ลและบิสกิต) ใช้เวลาเขียนตั้งแต่ปี 1879 ถึง 1880 ผลงานชิ้นนี้เป็นการถ่ายทอดความคิดและจินตนาการของตัวจิตรกรเอง ภายในภาพนี้ เซซานตั้งใจเขียนภาพของแอปเปิ้ลให้มีลักษณะคล้ายกับพีช ภาพเขียนนี้เน้นไปที่น้ำหนักของการลงสีและความสมดุลของแอปเปิ้ลสีแดงและมีลักษณะเป็นทรงกลมตามจินตนาการของจิตรกร

  

4

ศิลปิน Henri Matisse - ภาพ Odalisque à la culotte rouge (1924-1925)

ภาพเขียน matisse

 

อ็องรี มาติส (Henri Matisse) เป็นศิลปินที่โด่งดังในเรื่องของการใช้สีสันสดใสในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ เน้นการสร้างสรรค์ผลงานตามจิตวิญญาณ หรือที่เรียกว่า ลัทธิโฟวิสม์ (fauvism) นั่นเอง ศิลปินผู้นี้ให้ความสำคัญกับจิตวิญญาณที่แท้จริงของมนุษย์ เช่น ความต้องการทางกายภาพ ที่ซ่อนอยู่ภายในจิตใจของแต่ละคน ในอดีต มาเนต์ (Manet) ซึ่งเป็นเจ้าพ่อแห่งวงการอิมเพรสชั่นนิสม์ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ด้วยนิทรรศการ OLYMPIA  ณ พิพิธภัณฑ์ Orsay ซึ่งเป็นงานที่มีอิทธิพลต่อศิลปินในศตวรรษที่ 20 อย่างมาก อ็องรีก็เป็นศิลปินคนหนึ่งที่ได้รับอิทธิพลจากภาพเขียนของมาเนต์ อ็องรีมักใช้ภาพของหญิงสาวในฮาเร็ม หรือ Odalisque เป็นจุดเด่นในผลงานของเขาอยู่บ่อยครั้ง ภาพนี้ก็ด้วยเช่นกัน

ถึงแม้ภาพเขียนอ้างอิงถึงเรื่องราวเดิมๆอยู่บ่อยครั้ง แต่หากมองดูในภาพดีๆ จะเห็นได้ว่าทิศทางและวิธีการเขียนภาพค่อยพัฒนาและมีการเปลี่ยนแปลงมาเรื่อยๆ จากภาพด้านบนจะเห็นได้ว่า มีการใช้สีสันที่สดใสเพื่อวาดภาพของหญิงสาวซึ่งแสดงออกอารมณ์ผ่านทางสีหน้าเพียงเล็กน้อย ลักษณะการเขียนภาพของหญิงสาวนี้มีที่มาจากศิลปะแบบแอฟริกันและโอเชียเนีย เรียกอีก ชื่อหนึ่งว่า บรรพศิลป์ หรือ primitiv ซึ่งเป็นแนวคิดศิลปะแบบดั้งเดิม เครื่องแต่งกายของหญิงสาวในภาพเป็นชุดที่มีสไตล์ตามแบบดินแดนตะวันออก 

 

5

ศิลปิน Pablo Picasso - ภาพ Grande nature morte (1917-1918)

ภาพเขียนปิกาสโซ

ปิกัสโซ เป็นหนึ่งในเพื่อนซี้ของมาติส และเป็นอีกหนึ่งศิลปินที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกด้วยแนวคิดการเขียนภาพแบบคิวบิสม์ (cubism) ซึ่งเน้นไปที่รูปทรงเรขาคณิต อย่างเช่นในภาพด้านบน ภาพเขียนของปิกัสโซเกิดจากการสร้างสรรค์ผลงานจากการมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เช่นเดียวกับเซซาน แต่จะมีความต่างกันตรงที่หลังจากสังเกตและพินิจวัตถุตรงหน้า ปิกัสโซจะนำมาจัดโครงสร้างใหม่ตามจินตนาการของเขาเอง ภาพเขียนจะประกอบไปด้วยลายเส้นจำนวนมากซึ่งแสดงให้เห็นถึงร่องรอยการสร้างสรรค์ผลของเขา ตัวอย่างเช่นภาพเขียนโต๊ะสองมิติซึ่งเต็มไปด้วยลายเส้นจำนวนมาก เขาพินิจพิเคราะห์วัตถุตรงหน้าอย่างละเอียด ก่อนที่จะวาดภาพเพื่อแสดงให้เห็นภาพในหลายๆมุม เพื่อให้เห็นภาพที่ใกล้เคียงความจริงมากที่สุด

 

 6

ศิลปิน Franz Marc - ภาพ Le Rêve (1912)

พิพิธภัณฑ์ในปารีส

Le rêve (ความฝัน) ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นในปี1912 ในเมือง Sindelsdorf และมอบให้กับศิลปินอีกคนที่ชื่อว่า Kandinsky  และ Kandinsky  ก็ได้มอบภาพที่ชื่อว่า Improvisation 12 ให้กับ Franz Marc องค์ประกอบภายในภาพที่เห็นด้านบนนั้นมีลายเส้นที่มีพลัง โดยเริ่มจากร่างของหญิงสาวในภาพ  ท่านั่งขัดสมาธิ กอดเข่าในทรงที่ไม่ปกติสร้างลายเส้น และรูปทรงวีเชปให้กับภาพ องค์ประกอบอื่นๆรอบหญิงสาวดูราวกับเป็นภาพในความฝันของเธอ   

 

7

ศิลปิน Pablo Picasso - ภาพ Les Adolescents (1906)

ภาพเขียนของปิกัสโซ ที่พิพิธภัณฑ Orangerie

ภาพ Les Adolescents เป็นภาพของชายหนุ่มสองคนยืนครุ่นคิด ปิกัสโซได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานนนี้จากการเดินทางไปกับคู่หูเพื่อนซี้อย่าง Fernande ที่เมือง Gosol   หมู่บ้านในเทือกเขาพีเรเน่(Pyrenees) ทางฝั่ง  Catalan มีสีของดินที่ออกไปทางหลือง ปิกัสโซได้นำเอาสีของดินเหลืองนั้นมาเป็นส่วนหนึ่งของผลงานในช่วง "pink period" ของเขา (ตั้งแต่ปี 1904 ถึง1906) สไตล์ที่นำมาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานนี้แตกต่างจากภาพอื่นๆตรงที่ใช้สีชมพู ฟ้า และเขียวน้อยลง รวมไปถึงเน้นภาพที่นำเสนอความหมานหมองและความยากจน

 

นิทรรศการชั่วคราว

orangerie souvenir shop

นอกจากคอลแล็กชั่นจัดแสดงถาวรภายในพิพิธภัณฑ์แล้ว Musée de l’Orangerie ยังมีการจัดแสดงงานศิลปะที่เกี่ยวของกับแนวคิดศิลปะในศตวรรษที่ 19 และอิมเพรสชั่นนิสต์หมุนเวียนอยู่เรื่อยๆ สำหรับใครที่ชื่นชอบงานศิลปะอยู่แล้ว ก็ต้องไม่ลืมที่จะแวะเวียนมาสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ รวมไปถึงทำความรู้จักกับประวัติศาสตร์ศิลปะที่น่าสนใจ

ตัวอย่างของนิทรรศการในช่วงที่ทางเราไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์นั้นก็จะเป็นนิทรรศการ FRANTZ MARC / AUGUST MACK. THE ADVENTURE OF THE BLUE RIDER ซึ่งเกี่ยวของกับ expressionism หรือการแสดงพลังอารมณ์ ซึ่งมีความเกี่ยวของกับแนวคิดศิลปะที่พยายามปฎิวัติ ล้มล้างโครงสร้างทางสังคมที่มีความเชื่อมโยงกับศิลปะอิมเพรสชั่นนิสต์ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของชนชั้นกลางในฝรั่งเศส 

 

O’bon Paris' tips

musée d'orangerie

จากข้อความด้านบน หลายๆคนน่าจะพอได้เห็นภาพของลัทธิอิมเพรสชั่นนิสม์ที่มีวิวัฒนาการคูกันมากับการแสดงออกของภาพเขียนที่เต็มไปด้วยรายละเอียดมากมาย เริ่มตั้งแต่เซซานที่สร้างสรรค์ผลงานด้วยเทคนิคเฉพาะเพื่อบรรยายจินตนาการส่วนตัวผ่านลงไปในภาพ ไปจนถึงศิลปินที่การเขียนภาพแบบดั้งเดิมเพื่ออธิบายสถานการณ์จริงและการปฏิรูปแนวคิดศิลปะ

หากต้องการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ คุณสามารถเข้าไปอ่านเกร็ดความรู้ต่างๆเพื่อเตรียมตัวล่วงหน้าได้ ที่นี่

 


เรื่องและภาพ Obonparis Team

7 ผลงานโดดเด่น ณ พิพิธภัณฑ์ Orangerie

ที่ตั้ง : Jardin des Tuileries Place de la Concorde 75001 PARIS

การเดินทาง: เมโทรสาย 1, 8, 12 ลงที่สถานี Concorde 

เวลาทำการ : วันจันทร์, วันพุธถึงวันอาทิตย์  9:00-18:00(เปิดให้เข้ารอบสุดท้ายเวลา 17:15) / ปิดทุกวันอังคาร

ค่าใช้จ่าย : ตั๋วเที่ยวเดียวสำหรับผู้ใหญ่ 9 ยูโร, อายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่มีค่าใช้จ่าย, สัญชาติยุโรปอายุ 18-25 ปี ไม่มีค่าใช้จ่าย / ตั๋ว Musée de l'Orangerie + Musée d'Orsay ( มีอายุสามเดือนหลังจากวันซื้อ) ราคา 18 ยูโร/ Passport Musée de l'Orangerie + Fondation Claude Monet Giverny (Fondation Claude Monet ปิดตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคมถึง 1 พฤศจิกายน 2562) ราคา 18.50 ยูโร/ ทุกวันอาทิตย์แรกของเเต่ละเดือน เปิดให้เข้าชมฟรี

เว็บไซต์ : คลิ๊ก ที่นี่